ในปัจจุบัน การจัดการด้านการเงินส่วนบุคคลเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการขอสินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้าน รถยนต์ หรือบัตรเครดิต หนึ่งในปัจจัยหลักที่สถาบันการเงินใช้ประกอบการพิจารณาคือ “เครดิตบูโร” ซึ่งเป็นข้อมูลประวัติการชำระหนี้ของคุณกับสถาบันการเงินต่าง ๆ การมีเครดิตบูโรที่ดีจะช่วยให้การอนุมัติสินเชื่อราบรื่นและง่ายขึ้น ในขณะที่หากมีประวัติการชำระล่าช้า หรือติดหนี้ค้างชำระ อาจทำให้การกู้ยากขึ้น ดังนั้นการเช็กเครดิตบูโร จึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ควรรู้จักและตรวจสอบอยู่เสมอ
เครดิตบูโรคืออะไร?
เครดิตบูโร คือ ข้อมูลเครดิตหรือประวัติทางการเงินของบุคคล ซึ่งจัดทำและเก็บรักษาโดย บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) โดยจะแสดงรายละเอียดต่าง ๆ เช่น
- ประวัติการกู้เงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน
- การชำระหนี้ตรงเวลา หรือมีการค้างชำระ
- วงเงินกู้ที่ได้รับและยอดหนี้คงเหลือ
- ประวัติการปิดบัญชีสินเชื่อ
ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้มีผลต่อการอนุมัติสินเชื่อโดยตรง แต่เป็นข้อมูลที่สถาบันการเงินใช้ประกอบการพิจารณาเพื่อประเมินความน่าเชื่อถือทางการเงินของผู้กู้
วิธีเช็กเครดิตบูโร ต้องทำอย่างไร?
การเช็กเครดิตบูโรสามารถทำได้หลายวิธี โดยมีทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้ขอข้อมูล โดยมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
- เช็กเครดิตบูโรผ่านธนาคาร
ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำหลายแห่งมีบริการให้ลูกค้าสามารถขอรายงานเครดิตบูโรได้ที่สาขา เช่น ธนาคารกรุงไทย กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ กรุงเทพ และกรุงศรีอยุธยา โดยเพียงแค่ยื่นบัตรประชาชนและกรอกแบบฟอร์มคำขอ รายงานเครดิตจะถูกส่งให้ภายในไม่กี่วัน
- เช็กเครดิตบูโรผ่านออนไลน์
ปัจจุบัน เครดิตบูโรเปิดให้บริการตรวจสอบข้อมูลผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน เช่น
- แอป Krungthai NEXT ของธนาคารกรุงไทย
- แอป K PLUS ของกสิกรไทย
- เว็บไซต์ของเครดิตบูโรโดยตรง (www.ncb.co.th)
ผู้ใช้เพียงกรอกข้อมูลยืนยันตัวตนและชำระค่าธรรมเนียม (ประมาณ 150 บาท) จากนั้นรายงานเครดิตจะถูกจัดส่งให้ในรูปแบบไฟล์ดิจิทัลหรือส่งทางไปรษณีย์
- เช็กเครดิตบูโรผ่านที่ทำการไปรษณีย์
ผู้ที่สะดวกไปที่ทำการไปรษณีย์สามารถขอรายงานเครดิตบูโรได้ โดยยื่นบัตรประชาชนและกรอกคำขอ รายงานจะถูกส่งไปยังที่อยู่ตามทะเบียนบ้านหรือตามที่ระบุไว้
- ศูนย์บริการข้อมูลเครดิตบูโร
สามารถเดินทางไปติดต่อด้วยตนเองที่ศูนย์บริการของเครดิตบูโร เช่น อาคารกลาสเฮ้าส์ อโศก หรือธนาคารแห่งประเทศไทยสำนักงานใหญ่ เพื่อขอรับรายงานได้ทันที
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการเช็กเครดิตบูโร
- ตรวจสอบได้ปีละกี่ครั้งก็ได้
ไม่มีการจำกัดจำนวนครั้งที่สามารถเช็ก แต่ควรเช็กอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
- ค่าธรรมเนียมไม่สูง
การขอรายงานเครดิตบูโรมีค่าธรรมเนียมประมาณ 100 – 150 บาท ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับข้อมูลสำคัญที่ได้รับ
- ความถูกต้องของข้อมูล
หากพบข้อมูลผิดพลาด เช่น ยอดหนี้ไม่ตรง หรือบัญชีที่ไม่ใช่ของตนเอง สามารถยื่นเรื่องแก้ไขกับเครดิตบูโรได้ทันที
- เครดิตบูโรไม่ใช่แบล็กลิสต์
หลายคนเข้าใจผิดว่าเครดิตบูโรคือบัญชีดำ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพียงข้อมูลที่บันทึกประวัติการชำระหนี้ สถาบันการเงินเป็นผู้พิจารณาเองว่าจะอนุมัติสินเชื่อหรือไม่
การเช็กเครดิตบูโรเป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่มีแผนจะกู้เงิน ซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือทำบัตรเครดิต เพราะประวัติการเงินที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสการอนุมัติสินเชื่อ และยังเป็นการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนตัวไปในตัวด้วย ปัจจุบันมีหลายช่องทางให้เลือกตรวจสอบ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ สะดวก รวดเร็ว และค่าใช้จ่ายไม่สูง ใครที่ยังไม่เคยตรวจสอบเครดิตบูโรของตัวเอง ควรเริ่มต้นทำวันนี้เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการเงินในอนาคต