การดูแลยางรถยนต์อาจไม่ใช่สิ่งที่เรานึกถึงเป็นอันดับแรกเมื่อพูดถึงการบำรุงรักษารถยนต์ แต่ในความเป็นจริง ยางคือจุดสัมผัสเดียวระหว่างรถกับถนนที่ส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขับขี่ หากละเลยหรือดูแลไม่เหมาะสม อาจนำไปสู่ความเสียหายหรืออุบัติเหตุได้
บทความนี้จึงอยากชวนทุกคนมาเรียนรู้ 8 วิธีดูแลยางรถยนต์ที่ทำได้ไม่ยาก แต่ช่วยยืดอายุการใช้งานยาง และทำให้ขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
1. ตรวจสอบลมยางอย่างสม่ำเสมอ
ลมยางมีผลโดยตรงต่อการทรงตัว การเกาะถนน และการประหยัดน้ำมัน หากปล่อยให้ลมยางอ่อนหรือแข็งเกินไปอาจส่งผลต่อความปลอดภัย ควรตรวจเช็กลมยางทุกเดือน หรือก่อนเดินทางไกล โดยเติมลมตามค่าที่ระบุในคู่มือรถของเราเสมอ
2. อย่าลืมตรวจยางอะไหล่
หลายคนให้ความสำคัญกับยางหลัก 4 เส้น แต่ลืมตรวจยางอะไหล่ ที่อาจเป็นตัวช่วยสำคัญในกรณีฉุกเฉิน หากถึงเวลาต้องใช้งานแล้วพบว่าสภาพยางอะไหล่แบนหรือเสื่อมสภาพ อาจทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปด้วย
วิธีตรวจเช็กยางอะไหล่ที่ทำได้ง่ายๆ
– ตรวจสอบแรงดันลมด้วยเกจวัดลม และเติมให้ได้ตามค่าที่รถระบุ
– ตรวจสอบสภาพภายนอก เช่น มีรอยแตกลายงาหรือแข็งกระด้างหรือไม่
– หมุนล้อเช็กว่ามีตะปู หรือเศษวัสดุติดอยู่หรือไม่
– อย่าลืมตรวจทุก 1-2 เดือน พร้อมกับตรวจยางหลัก
3. เช็กความลึกของดอกยาง
ดอกยางที่สึกมากเกินไปจะลดความสามารถในการยึดเกาะถนน โดยเฉพาะเวลาฝนตกหรือขับบนพื้นผิวลื่น วิธีเช็กง่ายๆ คือใช้เหรียญ 1 บาทเสียบลงไปในร่องดอกยาง หากมองไม่เห็นขอบเหรียญ แสดงว่าดอกยางยังอยู่ในสภาพดี แต่หากเห็นขอบเหรียญชัดเจน ควรพิจารณาเปลี่ยนใหม่เพื่อความปลอดภัย
4. ตั้งศูนย์-ถ่วงล้ออย่างสม่ำเสมอ
การตั้งศูนย์ล้อและถ่วงล้อช่วยให้ยางสึกเท่ากันทุกเส้น ลดแรงสั่นสะเทือนระหว่างขับขี่ และทำให้รถควบคุมง่ายขึ้น โดยเฉพาะวิ่งทางตรงหรือเข้าโค้ง หากปล่อยให้ศูนย์ล้อเพี้ยนอาจทำให้รถกินยางหรือเบี่ยงไปด้านใดด้านหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
วิธีตั้งศูนย์ล้อ ศูนย์บริการจะใช้เครื่องมือวัดองศาล้อทั้ง 4 ให้ตรงตามมาตรฐานของรถรุ่นนั้นๆ จากนั้นจะปรับมุมเอียง, มุมโท และมุมแคสเตอร์ให้สมดุล เพื่อให้ล้อแต่ละข้างทำงานสัมพันธ์กันอย่างพอดี ส่วนการถ่วงล้อจะใช้เครื่องถ่วงสมดุลล้อ โดยติดตะกั่วเล็กๆ ที่ขอบแม็กเพื่อปรับน้ำหนักไม่ให้ล้อสั่นเวลาวิ่งเร็ว
5. เปลี่ยนยางเป็นชุด หรืออย่างน้อยเป็นคู่
การเปลี่ยนยางควรทำเป็นคู่เสมอ หรือถ้าเปลี่ยนก็ดีที่สุด เพื่อให้ดอกยางเท่ากันและทรงตัวของรถมีสมดุล หากเปลี่ยนแค่เส้นเดียว อาจทำให้ล้ออีกข้างสึกเร็วขึ้น และส่งผลต่อการควบคุม หรือเบรกในสถานการณ์ฉุกเฉิน
6. หลีกเลี่ยงการบรรทุกน้ำหนักเกิน
การบรรทุกน้ำหนักเกินอาจส่งผลให้โครงสร้างยางรับแรงมากเกินไป ทำให้เกิดการระเบิดหรือยางร้อนจัดได้ง่าย ตรวจสอบน้ำหนักบรรทุกสูงสุดจากคู่มือรถและพยายามไม่ใส่สัมภาระหรือผู้โดยสารเกินกว่าที่คู่มือแนะนำ
7. เลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ยางร้อนจัด
อุณหภูมิของยางมีผลต่อทั้งความทนทานและความปลอดภัยในการขับขี่ เพราะเมื่อยางร้อนจัดจะทำให้แรงดันลมยางเพิ่มขึ้น โครงสร้างยางอ่อนตัว และเสี่ยงต่อการระเบิดได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนหรือเมื่อขับเร็วเป็นเวลานาน
พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น
– ขับด้วยความเร็วสูงติดต่อกันทางไกล โดยไม่มีการจอดพัก
– ขับผ่านถนนที่เป็นหลุมบ่อ ขรุขระ หรือมีพื้นผิวร้อนจัด
– บรรทุกของหนักเกินไปแบบต่อเนื่อง ทำให้ยางรับภาระมากเกินไป
8. เลือกยางให้เหมาะกับรถและการใช้งาน
การเลือกยางที่เหมาะสมไม่ใช่แค่ดูจากยี่ห้อหรือราคาเท่านั้น แต่ควรพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน เพื่อให้ได้ยางที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและความปลอดภัย
ขนาดยาง ตรวจสอบขนาดยางเดิมจากข้างประตูคนขับ หรือจากคู่มือรถ เช่น 205/55 R16 ตัวเลขเหล่านี้ระบุความกว้างของยาง อัตราส่วนความสูง และขนาดล้อ ต้องเลือกให้ถูกต้องกับที่รถกำหนดไว้
ลักษณะการใช้งาน หากใช้รถในเมืองบ่อยๆ ควรเลือกยางที่เน้นความนุ่มเงียบและประหยัดน้ำมัน ส่วนผู้ที่ขับทางไกลหรือต่างจังหวัดบ่อย ควรเลือกยางที่ทนทานต่อการใช้งานแบบต่อเนื่องและยึดเกาะถนนได้ดี
ราคาและความคุ้มค่า ยางเป็นอุปกรณ์ที่ส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัย การควบคุมรถ และค่าใช้จ่ายในระยะยาว เราจึงควรเปรียบเทียบราคาและคุณสมบัติของแต่ละรุ่น
แม้การดูแลยางรถยนต์จะดูเป็นเรื่องเล็กในสายตาหลายคน แต่ความจริงแล้ว ยางคือองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยในการเดินทาง ทั้งการทรงตัว การเบรก และการควบคุมรถล้วนขึ้นอยู่กับสภาพของยางโดยตรง หากเราดูแลยางให้ถูกวิธี ตรวจเช็กสม่ำเสมอ และเลือกยางที่เหมาะกับรถและลักษณะการใช้งาน ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งาน ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และเพิ่มความมั่นใจทุกครั้งที่ขับขี่
ในปัจจุบัน ยางรถยนต์มีให้เลือกหลากหลายรุ่นตามสไตล์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่นุ่มเงียบเหมาะกับการขับในเมือง รุ่นที่ออกแบบมาเพื่อการเดินทางไกล หรือรุ่นที่เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก ซึ่งหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องคือ บริดสโตน (Bridgestone) ที่มีตัวเลือกหลากหลายทั้งด้านสมรรถนะและขนาด ไม่ว่าจะเป็นขอบ 15, 16 หรือ 17 นิ้ว
โดยเฉพาะใครที่ใช้งานรถทั่วไปและกำลังพิจารณายางขนาดกลาง ยอดนิยมอย่างขอบ 16 นิ้ว ก็สามารถเปรียบเทียบยางบริดสโตน ขอบ 16 ราคาแต่ละรุ่นได้ที่ศูนย์บริการที่น่าเชื่อถืออย่าง Autobacs – ออโต้แบคส์ ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีทั้งบริการตรวจเช็กสภาพยาง แนะนำรุ่นยางที่เหมาะกับการใช้งานเฉพาะของแต่ละคน และโปรโมชันดีๆ จากยี่ห้อชั้นนำให้เลือกอีกมากมาย
สอบถามหรือเช็กโปรโมชันราคายาง Autobacs
AUTOBACS Call Center: 065-504-8000
Line Official : @autobacsthailand
Website: https://www.autobacs.co.th