การมีบุตรยากไม่ใช่เรื่องของความผิดปกติหรือความล้มเหลว แต่เป็นภาวะทางการแพทย์ที่สามารถรักษาได้ในหลายวิธี และในปัจจุบัน การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF: In Vitro Fertilization) คือหนึ่งในเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ (Assisted Reproductive Technology – ART) ที่มีอัตราความสำเร็จสูงที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่มีอายุเกิน 35 ปี หรือมีปัจจัยที่ขัดขวางโอกาสตั้งครรภ์ด้วยวิธีธรรมชาติ
บทความนี้จะตอบคำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยว่า “IVF คือทางเลือกที่ดีที่สุดหรือยัง?” โดยวิเคราะห์ทั้งในแง่โอกาสสำเร็จ ความปลอดภัย และข้อจำกัดต่าง ๆ อย่างรอบด้าน
โอกาสสำเร็จของ IVF: สูงแค่ไหน ?
ความสำเร็จของ IVF ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะอายุของฝ่ายหญิง คุณภาพของไข่และอสุจิ และประสบการณ์ของทีมแพทย์ ตัวเลขโดยเฉลี่ยจากสถาบันระดับสากลมีดังนี้:
- หญิงอายุต่ำกว่า 35 ปี: โอกาสสำเร็จต่อรอบการย้ายตัวอ่อนประมาณ 40–50%
- อายุ 35–39 ปี: 30–40%
- อายุเกิน 40 ปี: เหลือเพียง 10–20% และลดลงตามอายุ
เทคโนโลยีอย่าง ICSI (ฉีดอสุจิเข้าไข่โดยตรง) และ PGT (ตรวจคัดกรองพันธุกรรมตัวอ่อน) ก็สามารถเพิ่มโอกาสสำเร็จในคู่สมรสที่มีภาวะบกพร่องทางพันธุกรรม หรือมีการแท้งบุตรซ้ำซากได้อีกด้วย
IVF ปลอดภัยแค่ไหน ?
โดยทั่วไป การทำ IVF คือแนวทางที่ถือว่ามีความปลอดภัยสูง แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทางตลอดกระบวนการ เพราะยังมีความเสี่ยงเล็กน้อย เช่น:
- ภาวะรังไข่ตอบสนองเกิน (OHSS): มักพบในกลุ่มหญิงอายุน้อย หรือมีถุงรังไข่จำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้ท้องอืด คลื่นไส้ หรือมีของเหลวในช่องท้อง
- ครรภ์แฝด: หากย้ายตัวอ่อนมากกว่าหนึ่งตัว มีโอกาสตั้งครรภ์แฝดซึ่งเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์
- ภาวะแทรกซ้อนจากการเก็บไข่: เช่นเลือดออกหรือการติดเชื้อ ซึ่งพบได้ในอัตราน้อยมาก (<1%)
หากมีการวางแผนที่ดี ใช้ยากระตุ้นไข่ในขนาดที่เหมาะสม และติดตามอาการอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ความเสี่ยงเหล่านี้สามารถควบคุมได้เกือบทั้งหมด
เหมาะกับใคร แล้วควรเริ่มเมื่อไหร่ ?
IVF เหมาะกับผู้ที่:
- พยายามมีบุตรมากกว่า 1 ปีแต่ไม่สำเร็จ
- มีปัญหาท่อนำไข่อุดตัน หรือไม่มีท่อนำไข่
- ฝ่ายชายมีปริมาณอสุจิน้อย หรือเคลื่อนไหวผิดปกติ
- ต้องการหลีกเลี่ยงโรคพันธุกรรม (โดยใช้การตรวจตัวอ่อนก่อนย้าย)
- อายุ 35 ปีขึ้นไปและมีข้อจำกัดเรื่องเวลา
ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ทำ IVF ตั้งแต่แรก หากปัจจัยเสี่ยงมีความชัดเจน เช่น การตัดท่อนำไข่ในอดีต หรือเคยมีการรักษาโรคมะเร็งที่กระทบระบบสืบพันธุ์
IVF คือคำตอบสุดท้ายไหม ?
คำตอบคือ “อาจจะใช่” สำหรับบางคู่ และ “ยังไม่จำเป็น” สำหรับบางคู่ ขึ้นอยู่กับสาเหตุของภาวะมีบุตรยากและระยะเวลาที่พยายามมาแล้ว แต่หากประเมินจากมุมมองทางการแพทย์:
- IVF คือ ทางเลือกที่มีโอกาสสำเร็จสูงที่สุดในบรรดาวิธีช่วยการเจริญพันธุ์
- มีความปลอดภัยสูง หากอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์เฉพาะทาง
- ช่วยลดโอกาสแท้งซ้ำหรือการสืบทอดโรคพันธุกรรมได้ (หากใช้เทคโนโลยี PGT ร่วมด้วย)
- มีความยืดหยุ่น เช่น สามารถแช่แข็งไข่หรือตัวอ่อนไว้ใช้ในอนาคตได้
ดังนั้น หากคุณและคู่รักกำลังพิจารณาวิธีที่ แม่นยำที่สุด ปรับตามสภาพร่างกายได้ดีที่สุด และมีแนวโน้มตั้งครรภ์สำเร็จที่สุด การทำ IVF ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุดทั้งทางร่างกาย จิตใจ และเวลา